- เพื่อศึกษาถึงสภาพปัญหาการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในกลุ่มคดีเปรียบเทียบปรับ
- เพื่อศึกษาถึงการจัดตั้งศาลจราจรในต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้เป็นต้นแบบในการวิเคราะห์ความเหมาะสมของประเทศไทย
- เพื่อศึกษาและวิเคราะห์แนวทางการจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ รูปแบบโครงสร้าง เขตอำนาจศาล คุณสมบัติของผู้พิพากษา วิธีพิจารณาคดีจราจร การเปรียบเทียบปรับและอำนาจของพนักงานสอบสวน
การจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร
บทความล่าสุด
การจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร
การจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร
(บทความนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีที่ 34 ฉบับที่ 2 กันยายน, 2559 : 75 – 86.)
สุพัตรา แผนวิชิต[1]
บทคัดย่อ
โครงการศึกษาวิจัยเรื่อง “การจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร” มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยเพื่อศึกษาถึงสภาพปัญหาการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในกลุ่มคดีเปรียบเทียบปรับ ศึกษาถึงการจัดตั้งศาลจราจรในต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้เป็นต้นแบบในการวิเคราะห์ความเหมาะสมของประเทศไทยและวิเคราะห์แนวทางการจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร
วิธีการดำเนินการวิจัย ใช้วิธีศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการยุติธรรมและผู้บังคับใช้กฎหมายจราจร เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้สนใจทั่วไป
ผลการวิจัยพบว่า เนื่องมาจากปัญหาปริมาณใบสั่งที่มีจำนวนมากและขาดการติดตามดำเนินคดีกับผู้ที่ได้รับใบสั่งอย่างจริงจัง ปัญหาการใช้ดุลพินิจในการเปรียบเทียบปรับของพนักงานสอบสวนที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน และปัญหาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และผู้วิจัยได้เสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 (ฉบับที่ … ) พ.ศ. … และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาคดีในศาลแขวง พ.ศ. 2499 (ฉบับที่ … ) พ.ศ. … เพื่อให้การพิจารณาคดีจราจรเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็ว มุ่งแก้ไขไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำ ส่งผลเป็นการป้องกันอุบัติเหตุและแก้ไขปัญหาจราจรได้อย่างเป็นรูปธรรม และลดปัญหาการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ
คำสำคัญ ศาลจราจร , การจัดตั้งศาล , คดีจราจร
The objective of the Project on Research into “Establishment of Traffic Court in Bangkok Metropolitan Region” is to study the nature of the problems in traffic law enforcement and proceedings in Bangkok Metropolitan Region, especially in the case category of fine penalty settlement, studying establishment of Traffic Courts in foreign countries, as to be models in feasibility study of Thailand and analysis of approach to establish the Traffic Court in Bangkok Metropolitan Region.
The research methodology employs qualitative methods of qualitative research by using Documentary Research and In-depth Interview and organizing a seminar for presenting the report on the research and drafting the approaches to establishment of the Traffic Court in Bangkok Metropolitan Region and hearing opinions and suggestions from the operatives in the judicial system, traffic law enforcement officers and officials in relevant agencies, scholars, luminaries and interested people in general.
The results of the Research and Study find that, due to the problem of a tremendous number of the tickets, whose offenders have not been actively proceeded against, the problem of exercise of discretion in the inquiry officials’ fine penalty settlement, which leads to unfair discriminatory treatment, and the problem of the sanctity of the law, which fails to a cause deterrent effect among people, resulting in numerous transgressions and violations of the law. Additionally, the Researcher recommends: enacting the Amendment to the Road Traffic Act, B.E. 2522 (No. … ), B.E. …; and enacting the Amendment to the Act on Establishment of District Court and District Court Procedure, B.E. 2499 (No. … ), B.E. …, as to provide with convenience and expedition for trial of traffic cases, focus on prevention of recidivism, resulting in the traffic problems being materially prevented and solved, and the problems of corruption among the public officials being reduced.
keywords Traffic Court , Court Establishment , Traffic Case
ความเป็นมาและสภาพปัญหา
กฎหมายจราจรโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อให้เกิดความสะดวก และปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เป็นกฎเกณฑ์ที่บัญญัติให้ทันกับการพัฒนาทางเทคโนโลยียานยนต์และสภาพการจราจร เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นด้วยเหตุผลทางเทคนิค เพื่อมุ่งจัดระเบียบทางสังคม และจากการที่บทบัญญัติของกฎหมายจราจรมีลักษณะเป็นคำสั่งหรือข้อห้ามของเจ้าพนักงานของรัฐหรือเป็นระเบียบข้อบังคับของสังคม ความผิดจราจรส่วนใหญ่จึงเป็นความผิดเล็กน้อย กฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานสามารถกลั่นกรองความผิดเบื้องต้นให้คดีเลิกกันได้โดยไม่ต้องนำคดีมาฟ้องศาล โดยการว่ากล่าวตักเตือนหรือการเปรียบเทียบปรับ การปฏิบัติตามกฎหมายจึงมักจะถูกละเลยหรือมีการกระทำความผิดจราจรมากขึ้น และปัญหาที่สำคัญที่ทำให้การจราจรติดขัดและเกิดอุบัติเหตุจราจร มาจากการที่ผู้ใช้รถใช้ถนนกระทำผิดกฎหมายจราจรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงาน องค์กรและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอยู่ไม่สามารถที่จะรักษา ควบคุมและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐฉวยโอกาสละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย หากพิจารณาจากสถิติการออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจรในปี 2556 ที่ผ่านมาพบว่า มีสถิติการออกใบสั่งจราจรแก่ผู้กระทำความผิดจราจรไปจำนวน 1,601,734 ใบสั่ง แต่ปรากฏว่ามีผู้มาเสียค่าปรับเพียง 647,114 ใบสั่ง คิดเป็นร้อยละ 40 เท่านั้น ยังขาดอีก 954,620 ใบสั่ง ที่ปรากฏว่าไม่มีผู้มาเสียค่าปรับ ส่งผลให้รัฐต้องเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมาก สถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายกับความผิดจราจรขาดประสิทธิภาพ ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงทำให้เกิดปัญหาจราจรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหากยังปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งด้านการวางระบบบริหารและด้านการวางระบบปฏิบัติการให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม ก็จะทำให้เกิดวิกฤติปัญหาการจราจรในอนาคตอันใกล้ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของระบบเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ
นอกจากนั้น หากพิจารณาถึงจำนวนคดีอุบัติเหตุจราจรทางบก พบว่า[2]
ปี 2554 จำนวนคดีอุบัติเหตุจราจรทางบก รับแจ้งทั้งหมด 35,817 คดี บาดเจ็บ 7,923 ราย เสียชีวิต 358 คน มีมูลค่าทรัพย์สินเสียหายจำนวน 82,131,923 บาท
ปี 2555 จำนวนคดีอุบัติเหตุจราจรทางบก รับแจ้งทั้งหมด 32,381 คดี บาดเจ็บ 7,241 ราย เสียชีวิต 291 คน มีมูลค่าทรัพย์สินเสียหายจำนวน 117,724,747 บาท
ปี 2556 จำนวนคดีอุบัติเหตุจราจรทางบก รับแจ้งทั้งหมด 28,904 คดี บาดเจ็บ 6,403 ราย เสียชีวิต 266 คน มีมูลค่าทรัพย์สินเสียหายจำนวน 79,026,555 บาท
ปี 2557 (มกราคม – กรกฎาคม) จำนวนคดีอุบัติเหตุจราจรทางบก รับแจ้งทั้งหมด 12,960 คดี บาดเจ็บ 3,595 ราย เสียชีวิต 120 คน มีมูลค่าทรัพย์สินเสียหายจำนวน 40,481,587 บาท
จากข้อมูลดังกล่าว การเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขาดการติดตามดำเนินคดีกับผู้ที่ได้รับใบสั่งอย่างจริงจัง ปัญหาการใช้ดุลพินิจในการเปรียบเทียบปรับของพนักงานสอบสวนที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ปัญหาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายที่กฎหมายที่มีอยู่ไม่สามารถสร้างความเกรงกลัวให้กับประชาชนได้ ทำให้มีการฝ่าฝืนและละเมิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีการกระทำความผิดซ้ำอยู่ตลอดเวลา
หากพิจารณาถึงหลักการและเจตนารมณ์ในการจัดตั้งศาลจราจร สมมติฐานในเบื้องต้นได้ว่า คดีจราจรควรมีกระบวนการพิจารณาคดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะ การพิจารณาต้องรวดเร็วและเป็นธรรม มุ่งแก้ไขไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีระเบียบวินัยเคารพกฎหมายอันเป็นการสร้างวินัยจราจรที่ดี การจัดตั้งศาลจราจรจะทำให้ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดีจราจรได้รับการพิจารณาโทษจากรัฐโดยมาตรการที่มีประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพเป็นเป็นธรรมแก่ประชาชน จะส่งผลให้ผู้กระทำความผิดเกิดความเกรงกลัวและกระทำผิดลดลง นอกจากนั้น ยังส่งผลต่อการปรับปรุงพฤติกรรมและสร้างวินัยในการจราจร การใช้รถใช้ถนน ผู้ขับขี่จะเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น ทำให้สามารถลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้ เป็นการป้องกันอุบัติเหตุและแก้ไขปัญหาจราจรได้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการลดปัญหาการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
สำหรับแนวทางการกำหนดนโยบายเรื่องการจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานครนั้น ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการโดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลและเสนอแนวทางไปยังสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งสำนักศาลยุติธรรมยังมีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องความจำเป็นในการจัดตั้ง โดยสำนักงานศาลยุติธรรมมองว่า การจัดตั้งศาลยุติธรรมมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความยุติธรรมในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็วและทั่วถึง ลดระยะเวลาและภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเข้าถึงความยุติธรรม การจัดตั้งศาลจราจรขึ้นเป็นพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดวินัยจราจรของผู้ใช้รถใช้ถนนที่กระทำผิดกฎหมายจราจร และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการงานจราจร โดยกำหนดให้ต้องนำคดีจราจรมาฟ้องศาลจราจรนั้น สวนทางกับทิศทางในการบริหารจัดการคดีสมัยใหม่ที่ให้มีการลดปริมาณคดีอาญาบางประเภทที่จะขึ้นสู่ศาล โดยไม่กระทบกระเทือนถึงระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ประกอบกับการกระทำผิดกฎหมายจราจรเป็นความผิดเล็กน้อยไม่ใช่การก่ออาชญากรรมร้ายแรง การนำคดีจราจรไปสู่ศาลจะมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดีอื่นๆ ทำให้คดีล่าช้าและสิ้นเปลืองงบประมาณทั้งภาครัฐและประชาชน การแก้ปัญหาการกระทำผิดกฎหมายจราจรที่ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดในปัจจุบัน สามารถทำได้ด้วยการนำมาตรการอื่นมาบังคับใช้กฎหมายจราจรให้เข้มงวด เช่น การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ โดยการถ่ายภาพผู้กระทำผิดกฎจราจร การควบคุมและตรวจสอบใบสั่งด้วยคอมพิวเตอร์ การงดรับชำระภาษีรถประจำปี หรือการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ซึ่งสามารถช่วยลดการฝ่าฝืนกฎจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
ข้อโต้แย้งจากสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวนี้จึงนำมาซึ่งความจำเป็นในการศึกษาวิจัยเพื่อยืนยันถึงหลักการ เหตุผลและความจำเป็นในการจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีการศึกษาวิจัยที่สนับสนุนแนวคิดในการจัดตั้งศาลจราจรในประเทศไทยในหลายประเด็น โดยผลจากการศึกษาวิจัยส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ เห็นควรให้มีการจัดตั้งศาลจราจรเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายจราจรโดยให้จัดตั้งในเขตกรุงเทพมหานครที่ปัญหาจราจรและมีปริมาณคดีเป็นจำนวนมากก่อน แต่การศึกษาวิจัยที่ผ่านมายังขาดโมเดลของการจัดตั้งศาลจราจรของต่างประเทศที่ควรนำมาปรับใช้กับประเทศไทย อีกทั้งข้อเสนอแนะในงานวิจัยยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบโครงสร้าง เขตอำนาจศาล คุณสมบัติของผู้พิพากษา วิธีพิจารณาคดีจราจร การเปรียบเทียบปรับและอำนาจของพนักงานสอบสวน ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดงานจราจรดังกล่าว จึงจำเป็นต้องศึกษาวิจัยถึงแนวทางการจัดตั้งศาลจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อให้มีองค์กรและระบบการจัดการคดีจราจรที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ส่งผลให้การกระทำความผิดจราจรและปัญหาอุบัติเหตุจราจรลดน้อยลง
วัตถุประสงค์การวิจัย